7 เช็คลิสต์สำคัญ ก่อนลงทุนในอสังหาฯ

7 เช็คลิสต์สำคัญ ก่อนลงทุนในอสังหาฯ

7 เช็คลิสต์สำคัญ ก่อนลงทุนในอสังหาฯ

เคยสงสัยไหมว่า ก่อนจะตัดสินใจลงทุนในบ้าน คอนโด หรือที่ดิน ควรพิจารณาอะไรบ้าง?
วันนี้เรามี 7 เช็คลิสต์สำคัญที่จะช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักลงทุนอสังหาฯ ได้อย่างมั่นใจ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับ
1.ทำเลที่ตั้ง
เปรียบเสมือนหัวใจของอสังหาริมทรัพย์ ทำเลดีเท่ากับมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะอยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า ทำเลที่ดีจะช่วยรักษามูลค่าและเพิ่มโอกาสทำกำไรในอนาคต การวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งอย่างรอบคอบจะช่วยให้นักลงทุนสามารถ คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สิน, ประเมินศักยภาพในการสร้างรายได้จากการให้เช่า และลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน
 
2.งบประมาณ
เงินทองเป็นเรื่องใหญ่ในการลงทุน ต้องรู้ว่าเรามีเงินเท่าไหร่ และจะต้องจ่ายอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ค่าซื้อ แต่รวมถึงค่าซ่อมแซม ภาษี ซึ่งนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ควรมีเงินสำรองรวมประมาณ 20-30% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุน เพื่อใช้จ่ายและสำรองในเรื่องต่างๆ เช่น
เงินสำรองสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะใช้สำหรับค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เงินสำรองสำหรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซม ใช้สำหรับการปรับปรุง ซ่อมแซม และบำรุงรักษาตามกำหนด
เงินสำรองสำหรับช่วงว่างระหว่างปล่อยเช่า(กรณีปล่อยเช่า) เพื่อใช้รองรับช่วงที่ไม่มีรายได้จากค่าเช่า
เงินสำรองฉุกเฉิน ควรมีเงินสำรองทั่วไปประมาณ 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อใช้รองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือภาวะเศรษฐกิจผันผวน
เงินสำรองสำหรับการชำระหนี้ (กรณีกู้ซื้อ) ควรมีเงินสำรองเพื่อชำระเงินกู้ได้อย่างน้อย 6-12 เดือน ใช้รองรับกรณีที่รายได้ไม่เป็นไปตามคาด
 
3.ผลตอบแทนจากการลงทุน
สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ควรมี เช่นการปล่อยเช่าคอนโด Rental Yield อัตราผลตอบแทนขั้นต่ำควรอยู่ที่ 6-8% ต่อปี, ขายที่ดิน 20-50% จากราคาซื้อ, ลงทุนในคอนโด 15-20%จากราคาซื้อ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ทำเลที่ตั้ง, ระยะเวลาการถือครอง , การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณใกล้เคียง, ความต้องการของตลาด, ระยะเวลาในการถือครอง, สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ , การปรับปรุงหรือตกแต่งเพิ่มเติม เป็นต้น
 
4.สภาพอสังหาริมทรัพย์
บ้านเก่าหรือใหม่มีผลต่อค่าซ่อมแซมในอนาคต บ้านสภาพดีอาจแพงตอนซื้อ แต่อาจประหยัดค่าซ่อมในระยะยาว นักลงทุนควรคำนึงถึงสภาพของทรัพย์สินอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อมูลค่า ความสามารถในการทำกำไร และค่าใช้จ่ายในอนาคต
 
5.แนวโน้มตลาด
ตลาดอสังหาฯ ไม่หยุดนิ่ง บางช่วงราคาพุ่ง บางช่วงราคาตก ต้องดูว่าตลาดกำลังไปทางไหน เพื่อเลือกจังหวะลงทุนที่เหมาะสม เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สภาวะเศรษฐกิจ นโยบายรัฐบาลและกฎหมาย การแข่งขันในตลาด หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
 
6.ประเภทของอสังหาริมทรัพย์ 
บ้าน คอนโด ที่ดิน หรือตึกแถว แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนของเรา เช่น อยู่เอง ปล่อยเช่า หรือขายต่อ นักลงทุนควรวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และความเสี่ยงของอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภท ก่อนตัดสินใจลงทุน
 
7.ความเสี่ยง
การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง อาจเป็นภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจตกต่ำ หรือกฎหมายข้อบังคับปลี่ยน เช่นกฎหมายผังเมือง ข้อจำกัดในการใช้พื้นที่ ต้องเตรียมใจและวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้า
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น การวิเคราะห์คู่แข่งในโครงการใกล้เคียงในพื้นที่ หรือการคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาในอนาคต เช่น แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ แนวโน้มการเติบโตของเมือง และที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการพัฒนารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีต่างๆไม่ว่าจะเป็น BTS MRT ARL ส่งผลต่อราคาของอสังหาที่จะลงทุนในทำเลรถไฟฟ้าพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว และที่สำคัญสำหรับนักลงทุนอสังหาฯ คือการหมั่นอัปเดตความรู้ใหม่ๆให้ทันโลก เนื่องจากเทรนด์ธุรกิจอสังหาฯมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ.

8/16/2024 4:51:05 PM