เริ่มแล้ว! โมเดลกู้ชีพท่องเที่ยว "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์"

โครงการเปิดประเทศไทย สำหรับการท่องเที่ยวโดยไม่มีการกักตัว “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” เริ่มแล้ว “ประยุทธ์” รับหน้าที่พนักงานต้อนรับเที่ยวปฐมฤกษ์ด้วยตัวเอง 
 
วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต หรือ Phuket Sandbox
 
จากนั้น เวลา 09.45 น. นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการคัดกรองนักท่องเที่ยว เข้า–ออก จังหวัดภูเก็ต ณ ด่านตรวจภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ต่อมาเวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมติดตาม Phuket Sandbox ณ โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
 
เวลา 13.45 น. นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว “HUG THAIS HUG PHUKET” จัดโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต และหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
 
เวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมความพร้อมการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว เยี่ยมชมการฟื้นคืนสภาพของชายหาดและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ตำบลสาคู อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
 
เวลา 17.10 น. นายกรัฐมนตรีต้อนรับนักท่องเที่ยว สายการบิน Singapore Airlines ณ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และเวลา 18.40 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ
 
ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ในวานนี้ (30 มิ.ย.) ว่า การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง ให้สามารถกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว เพิ่มโอกาสการจ้างงาน ต่อยอดสินค้าบริการ ในธุรกิจการท่องเที่ยวในระดับต่าง ๆ
 
รวมถึงการลงทุนด้วย ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่ไปกับ New Normal หรือการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เพื่อให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป
 
“รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประมาณการนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ภายใต้โครงการ Phuket Sandbox จำนวน 100,000 คน ในไตรมาส 3 (เดือน ก.ค.-ก.ย. 64) ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้อยู่ที่ 8.9 พันล้านบาท”
 
ทั้งนี้ ตลอดเดือนกรกฎาคม 2564 มียอดจอง Booking ของผู้โดยสารที่จะเข้ามา Phuket Sandbox ประมาณ 11,894 คน ข้อมูลจาก 6 สายการบิน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้าประมาณ 8,281 คน ขาออก 3,613 คน คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินทั้งหมดประมาณ 426 เที่ยวบิน เฉลี่ยที่ประมาณ 13 เที่ยวบิน/วัน
 

นักท่องเที่ยวกลุ่มแรก 249 คน

วานนี้ (30 มิ.ย.) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์ผู้ติดเชื้อประจำวันถึงผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล หรือภูเก็ตแซนด์บอกซ์โมเดล ว่า มีเที่ยวบินเข้ามา 4 เที่ยวบิน มีจำนวนประมาณ 249 คน มาจากหลายประเทศ เช่น ประเทศอิสราเอล ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศกาตาร์
 

แนวทางปฏิบัตินักท่องเที่ยว

ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 11) เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแนบท้ายคำสั่ง 
 
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามา
1.ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 14 วัน
2.เดินทางมาจากประเทศ/พื้นที่ ซึ่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) หรือศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ อนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และได้มีการลงทะเบียนผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่ทางราชการกำหนด
ทั้งนี้ผู้เดินทางต้องอยู่ในประเทศดังกล่าวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนออกเดินทาง เว้นแต่ผู้ที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักรซึ่งได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรและได้เดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ที่ได้รับอนุมัติข้างต้น โดยให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 
3.ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศของประเทศ/พื้นที่ต้นทาง ก่อนออกเดินทาง (Exit screening)
 
มาตรการเมื่อเดินทางถึง
1.มาตรการตรวจคัดกรองอาการและการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
2.ให้ใช้ระบบติดตามหรือติดตั้งแอปพลิเคชั่นตามที่ทางราชการกำหนด โดยให้เปิดระบบติดตามดังกล่าวไว้ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังหรือติดตามอาการระหว่างที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว
 
3.ให้เดินทางออกจากท่าอากาศยานไปยังโรงแรมหรือสถานที่พักโดยยานพาหนะที่จัดไว้เป็นการเฉพาะ โดยต้องไม่มีการแวะหรือหยุดพัก ณ สถานที่ใด ๆ ก่อนถึงโรงแรมหรือสถานที่พัก
4.ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR ณ สถานที่ที่ทางราชการกำหนด โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ตามหลักเกณฑ์
5.กรณีผู้เดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักหลังจากทราบผลการตรวจยืนยันแล้วว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 ให้ผู้เดินทางรายงานตัวเมื่อกลับมายังโรงแรมหรือสถานที่พักทุกวันตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด โดยห้ามไปพำนักค้างคืนในสถานที่อื่นนอกเหนือจากโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้กำหนดไว้
6.กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาน้อยกว่า 14 วัน ห้ามผู้เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเด็ดขาด และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรทันที
7.กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ให้สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวได้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
 
หมายเหตุ
1.ควรสนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้กรมธรรม์โดยบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ภายใต้การกำกับและรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยกรมธรรม์ประกันภัยต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลกรณีการติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการด้วย
2.การเริ่มนับระยะเวลาที่ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่ที่ผู้เดินทางอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ
ที่มา : https://www.prachachat.net/tourism/news-702356

7/1/2021 3:30:12 PM